Thu. Sep 19th, 2024
0 0
Read Time:13 Minute, 17 Second

สาวคู่กรณี “หนิง ปณิตา” ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดพลาด หลงเชื่อคำพูดผู้ชาย

“หนิง ปณิตา” ขึ้นศาลฟ้องบุคคลที่3 คู่กรณีไม่มาตามนัด

จากรณีที่ดาราและผู้จัดละครสุดแกร่ง “หนิง-ปณิตา พัฒนาหิรัญ” ได้ยื่นฟ้องบุคคลที่ 3 แทรกกลางสัมพันธ์สามี “จิน-จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” ทำชีวิตครอบครัวพัง พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท

โดยวันนี้ (4 ต.ค.66) “หนิง” เดินทางมายัง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเผชิญหน้าคู่กรณี หลังครั้งก่อนอีกฝ่ายไม่มาตามนัด ภายหลังที่เข้าปไกล่เกลี่ยกันจนได้ข้อสรุป ดาราสาวได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน โดยเผยว่า

สรุปวันนี้ยังไง?

“จริงๆ วันนี้เป็นวันสืบพยาน เมื่อเช้าทางศาลยังขอไกล่เกลี่ย ก็ไกล่เกลี่ยกันยาวนาน จริงๆหนิงมีธงในใจของหนิงอยู่แล้ว ถ้าได้ไกล่เกลี่ยตั้งแต่วันที่หนิงมารอ 2 วันมันก็อาจจะได้รู้เรื่องราวอะไรหลายๆอย่างเร็วขึ้น เรื่องราวหลายๆ เรื่องที่รับฟัง ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นใจ ในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน”

ธงในใจของเราคืออะไร?

“หนิงมีออฟชั่นของหนิงอยู่แล้ว เวลาที่เรามีเรื่องทีราวถ้าเราสามารถที่จะพูดคุยไกล่เกลี่ยกันได้ มันก็ดี ไม่ต้องมีเรื่องราวยืดเยื้อ ถ้าเราพูดคุยกันไม่ได้ ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ หนิงก็จะมีธงของหนิงซึ่งศาลเองท่านก็เมตตาพิจารณา ว่าโอเคสิ่งที่เราสมควรจะต้องทำควรเป็นยังไง หรือทางคู่กรณีน้องเขาสมควรทำเป็นยังไง ให้พบเจอกันที่ตรงกลางดีที่สุด ในส่วนของหนิง ถ้ามันมีการเข้าใจอย่างจริงๆ หนิงพูดตั้งแต่วันแรกแล้วว่าจำนวนเงินสำหรับหนิงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการที่เราทำผิดแล้วยอมรับผิด เราก็แค่แก้ไขสิ่งนั้น ถ้าสิ่งนั้นหนิงรับรู้ได้ด้วยใจ มันก็จะจบลงด้วยการประณีประนอมที่ดี”

ธงของเราคือความรู้สึกผิด รับผิดชอบ และค่าที่ต้องชดใช้?

“ใช่ค่ะ รวมกัน ซึ่งวันนี้การไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ ทางน้องก็ยินดีที่จะลงขอโทษหนิง เขาก็ได้ลงเรียบร้อยแล้ว มีข้อตกลงกันตามรายละเอียด”

การลงขอโทษเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของเรา?

“ทั้งหมดทั้งมวลเป็นกระบวนการที่ทางศาลท่านพิจารณา ศาลท่านจะพิจารณาว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร แล้วศาลท่านก็สอนหนิงนะ ท่านรู้ว่าต่อให้ใคนคนใดคนหนึ่งผิด เรายังไม่ต้องไปฟันว่าใครผิดหรือไม่ผิด แต่สิ่งที่เราทำแบบนี้คู่กรณีของเราทำได้แค่ไหน เอาให้มันพอเหมาะพอควรกับสิ่งเราต้องการ ความต้องการของเราอาจจะสูงกว่าที่คู่กรณีจะทำได้ ท่านก็จะให้เราลดเพดานความต้องการของเราลงมา ทางคู่กรณีก็ให้เพิ่มขึ้นมาหน่อย มาเจอก้นตรงกลางให้ได้ ท่านก็น่ารัก”

เราพอใจกับเพดานนี้แล้ว?

“ถ้าถามหนิงเอาแบบจากใจที่เราไม่ต้องแอ๊บอะไร ถามว่าหนิงพอใจไหม อาจจะไม่ถึงที่สุดแต่ก็เป็นสิ่งที่หนิงรับได้ รู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่เราสู้กับใคร ไม่สำคัญเท่าเราสู้กับทิฐิที่อยู่ในใจ การสู้กับสิ่งที่เป็นตัวเรา พอเราก้าวผ่านตรงนั้นไปได้ เราก็จะก้าวผ่านชีวิตไปได้อีกสเต็ปนึง คือเราไม่จำเป็นต้องได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่าง เปิดทางให้น้องเขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตต่อไป ไม่อยากให้ใครไปว่าอะไรเขาแล้ว”

ในจุดที่เห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกันคืออะไร?

“หนิงว่าน้องเขาน่าจะอธิบายได้แล้วส่วนหนึ่งในที่เขาทำ เราอย่าไปลงดีเทลอะไรให้มันเยอะแยะมากมาย หนิงว่ามันก็ชัดเจนว่า… หนิงก็ได้สอนน้องเขานะว่า ไม่เป็นไร จริงๆแล้ว มันผิดไปแล้ว ถ้าวันนี้เรายอมรับที่จะแก้ไขก็จะเปิดทางให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขตัวเขา”

วันนี้มีน้ำตาไหม?

“หนิงไม่มีค่ะ หนิงผ่านอะไรมาเยอะมาก ณ ตอนนี้สิ่งที่หนิงพยายามที่จะทำให้มันดีที่สุด คือ ใช้สติ เอาเหตุและผลมานั่งคุยกันว่ามันเกิดสิ่งนี้เพราะอะไร ก็ไม่ได้โทษเขาซะทีเดียว ทั้งหมดถ้าฟังเหตุผลในบางเหตุผล มันก็สอนว่าบางครั้งถ้าเราลดทิฐิ คือลดเพดานตัวเราเองลง แล้วฟังเขาเยอะๆ บางที เขาจะไม่ได้เป็นคนผิดเสียทั้งหมดเพียงแต่ว่า เขาก็ยอมรับว่าเขาเองก็พลาด ในช่วงต้นที่เจอกันหนิงเองก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่พูดตรงประมาณหนึ่ง จนเขาก็คงกลัวแต่ความตรงของหนิงมันก็คือความจริง ก็ยังดีที่ว่าเขายอมรับความตรงของหนิงได้เร็ว แล้วรีบพยายามคิดทุกอย่างมันถึงได้จบลงได้ สมมติถ้าหนิงพูดไปแล้วตรงๆ หนิงต้องการความจริงใจในการขอโทษต้องการความสำนึกผิด ในการขอโทษ หนิงพูดตรงขนาดนี้แล้ว เขาไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้มันก็คงไกล่เกลี่ยลงได้ลำบาก แต่ก็ถือว่าเขาทำในส่วนของเขาได้ดีมาก”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

วันนี้เป็นการได้เจอกันครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่ได้เจอหน้ากันที่ศาล?

“แอบมือสั่นเบาๆ จะปฏิเสธว่าไม่โกรธไม่รู้สึกอะไรก็คงจะแอ๊บไปนิดนึง ยิ่งเรารู้สึกมากเท่าไหร่เราก็ต้องยิ่งหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็บอกตัวเองว่าสติๆ ต้องคุยกันด้วยเหตุและผล”

ยอมรับว่าช่วงเช้าเราก็มีอารมณ์เหมือนกันตอนที่เจอหน้า?

“กรณีที่ปรี๊ดขึ้น เราปิดด้วยตัวของเราเอง ไม่ได้ไปปิดอะไรใส่ใคร การพูดจาของหนิงก็เป็นการพูดแบบตรงๆ”

ประโยคไหนของเขาที่ทำให้เราใจอ่อน?

“จริงๆ ไม่ได้ตั้งธงมาว่าเราจะไม่ยอมอะไรเลย โอเคถ้าไกล่เกลี่ยกันได้เราก็จะยอมประมาณนี้ แต่ถ้าเข้าใจกันประมาณนึงก็จะยอมลงมาให้อีกประมาณนี้ หนิงก็มีเวลของหนิง แต่ว่ามันก็ไม่ได้ระดับตามที่เราพอใจหรอก แต่ในระดับที่เราไม่ได้พึงพอใจมันก็ไม่เป็นไร พอรับได้และก็เปิดทาง คนเราถ้าทำผิด แล้วเรายอมรับ และเราแก้ไขมัน พวกเราก็ควรให้อภัยเขา มันทำยากมากนะ ตัวหนิงเองที่หนิงพูด ต่อสู้กับความรู้สึกในใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ ณ วันนี้เราต้องทำ ถ้าเราไม่ทำสังคมมันก็เป็นแบบนี้”

เรียกว่าวันนี้ “หนิง” จบ?

“หนิงให้อภัยค่ะ”

ได้ฟังคลิปที่เขาออกมาขอโทษไหม?

“ได้ฟังแล้วค่ะ เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น โดยรายละเอียดหนิงทราบมากกว่าสิ่งที่เขาพูด ก็เห็นใจเขา อย่างที่หนิงพูด คนเราทำผิดก็ยอมรับเลยและแก้ไข เขาเองก็กลัว เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาโพสต์ลงไปแล้ว จะมีฟิตแบคอะไรเกิดขึ้นกับเขา หนิงได้แต่พูดกับเขาว่านี่คือสิ่งที่เราเป็นคนทำ เราต้องยอมรับกับมัน จะแก้ไขมันใช่ไหม จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าใช่ก็แค่นั้นเอง หนิงว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนที่ดูทีวีอยู่หรือพี่ๆทุกคน ถ้าเขาแก้ไขมันก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ถ้าเขาแก้ไขได้แล้ว ถ้าเราไม่ชื่นชมแต่ไปซ้ำเติมเขาอยู่เรื่อยๆ ถามว่า ชีวิตเขาจะเป็นยังไง ชีวิตคนเรา ไม่มีใครไม่เคยทำผิด”

ในข้อตกลงเขาต้องโพสต์คลิปขอโทษนี้ต้องอยู่เป็นระยะเวลานานแค่ไหน?

“ตอนแรกคุยกันไว้ 4-5 ปี อันนี้หนิงก็ไม่ชัวร์ แต่น้องเขาขอหนิงแค่ 1 ปี เราก็โอเคที่ 1 ปีอย่างที่บอกว่าหนิงไม่ใช่คนยาก ถ้าหนิงยอมรับได้ถึงที่ว่าพยายามที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิด หนิงไม่ใช่คนคุยยาก แล้วขอหนิงดีๆ ก็ไม่เป็นไร”

หลังจากวันนี้คดีความเป็นอย่างไรต่อไป?

“คดีความก็จบ เพราะว่าหนิงก็บันทึกยอมความให้ สำหรับตัวเลข น้องก็รับผิดชอบในส่วนที่ น้องควรจะรับผิดชอบ ในระยะเวลา 4 ปี ค่อยๆ ทยอยจ่าย ซึ่งตัวเลขไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ค่ะ”

สามารถตอบมูลค่าได้ไหม?

“ตัวเลขไม่ใช่ตามที่ตั้งไว้ หนิงตั้งไว้ที่ 10 ล้านบาท แต่หนิงให้ที่ 3 ล้านบาท ผ่อน 4 ปี (ลดลงมาเยอะ?) อย่างที่หนิงบอกว่าไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจทุกอย่างหรอก ถามว่าตอนอยู่บัลลังก์หนิงก็แอบมีขัดใจเบาๆ แต่เมื่อผู้ใหญ่สอน คำพูดที่ท่านสอนบนศาลเป็นคำพูดที่น่าฟังคำนึงตรงที่ว่า ‘เราอาจจะตั้งเป้าไว้สูง เราก็จะต้องดูว่าน้องเขาทำได้แค่ไหน ถ้าเขามีความจริงใจที่เขาอยากจะทำให้ เราก็ต้องดูว่าเขาทำได้แค่ไหน แล้วเราสามรถลดลงมาได้อีกไหม’ มันก็แค่นั้น มันคือการเอาชนะใจ ทิฐิมานะของหนิงเองที่ก้าวผ่านมันได้ มันก็เป็นอีกบทเรียนนึงให้หนิงได้รู้สึกว่าก็แค่นี้แหละ”

เรื่องคดีจบหมดแล้ว?

“ถ้าคดีของหนิงกับของน้องเขาจบค่ะ ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”

มีกระแสที่ก่อนนหน้านี้เขาอาจจะฟ้องกลับเราที่เปิดหน้าเขา?

“ฟ้องในเรื่องคดีอาญาหนิงใช่ไหมคะ ก็จบ เพราะน้องเขาก็คุยกับหนิงว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไร เขาบอกเขากลัวหนิง เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหน แล้วบางทีเขาก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เขาฟังสิ่งที่ทนายพูดมาว่าอาจจะฟ้องคดีนั้น ถ้าพูดกันในแง่กฎหมาย เราเคยขึ้นศาลกันจะรู้อยู่แล้วว่าหมายแลกหมัด จริงๆ มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ส่วนคดีนั้น ถามว่าสิ่งที่หนิงเปิดหน้าเขามันผิดไหม หนิงเองก็ต้องยอมรับว่าตัวหนิงเองก็ผิด เราไม่สามารถจะเปิดเผยแพร่หน้าได้ แต่วันนั้นด้วยเหตุผลจริงๆ มันแค่ด้วยเหตุผลเดียวว่าหลานหนิงโดนเรื่องการเข้าใจผิดในการเป็นภรรยาน้อย แล้วเรื่องแบบนี้กับเยาวชนที่เรียนอินเตอร์มันเซนซิทีฟพอสมควรมากๆ แล้วกับเด็กสมัยนี้มันมีปมไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวจะไปเกิดอะไรขึ้นอีก หนิงเลยตัดสินใจทำสิ่งนั้นแค่นั้นเอง ไมได้มีเจตนาอย่างอื่น จริงๆ คิดแค่ว่ารูปนี้มันก็ถูกอยู่ในโซเซียลอยู่แล้ว แค่ว่ามันถูกคาดตาไว้ หนิงไม่ได้ไปเอารูปอะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่มันมีอยู่ในโซเชียล หนิงคิดแค่นั้นเลย”

แค่อยากปกป้องคนในครอบครัว ไม่ได้อยากจะประจาน?

“หนิงไม่มีเจตนาใดๆ อะไรทั้งสิ้น อารมณ์เดียววันนั้นคือถ้าคนไม่ได้เป็นแม่คนแล้วลูกต้องเจอปัญหา เราจะไม่เข้าใจเลยว่ายังไง แล้วปัญหาของการเลี้ยงเด็กสมัยนี้ จริงๆ มันหนักหน่วงพอสมควรเลยนะ การบูลลี่หรืออะไร เราก็เลยตัดสินใจถ้าปัญหามันเกิดขึ้นที่ครอบครัวเรา เป็นคนสร้างปัญหาให้ครอบครัวเพื่อน เราก็แก้ปัญหาซะแค่นั้นเลยจริงๆ”

หลายคนมองว่าคดีนี้เป็นการทวงคืนศักดิ์ศรีให้เมียหลวง ตัวเรามองยังไง?

“จริงๆ ถ้าย้อนกลับไป หนิงขออย่าใช้คำว่าศักดิ์ศรีเลยดีกว่า คือถ้าใช้คำว่าศักดิ์ศรีจะกลายเป็นว่าเราจะมีตัวตน จะมีอีโก้ ถูกป่ะ แต่สิ่งที่หนิงทำคือหนิงจะไม่ปะทะกับสิ่งที่เกิดปัญหาเอง มีกฎหมาย เราก็ใช้กฎหมายจัดการเรื่องเท่านั้น แล้วพอใช้กฎหมายจัดการ หนิงบอกเลยว่าวันนี้หนิงคิดไม่ผิด เพราะทุกอย่างจบออกมาได้ค่อนข้างสวยมากๆ สวยทั้งตัวหนิงเองและน้องเขาด้วยหลายๆ อย่าง แล้วสิ่งที่น้องเขาพูดหนิงว่าเขาพูดดีนะ ว่าในเรื่องของบทเรียนอะไรหลายๆ อย่าง บางทีเราก็อย่าเชื่อภาพที่มันเห็นกับสิ่งที่มันเป็น”

คำพูดน้องในคลิป จะมีคนฟังแล้วรู้สึกว่าเหมือนฝ่ายชายไม่รักษาคำพูด?

“อันนี้ตอบยากจัง พอมันโยนกลับมาเป็นหนิงก็ตอบยากจัง อย่างที่บอกแหละว่าทุกปัญหา ทุกเรื่องราวถ้าเราทำตามสิ่งที่เราตกลง รักษาคำพูด แล้วเรามีความรับผิดชอบ ปัญหามันก็จะไม่เกิดขึ้นแค่นั้นเองเลยจริงๆ”

เห็นว่ามีกอดกันด้วย?

“ตัวเขาก็ร้องไห้หนักมาก หนิงก็เดินไปตบไหล่เขา แล้วมันก็จะผ่านไป มันก็คือบทเรียนนึง (เราปลอบเขา?) แล้วมันก็จะผ่านไป แค่เรารู้ว่าเราผิดจริงๆ เราก็แก้ไข ไม่มีอะไรยากเลย ดูเหมือนฟังแล้วมันจะง่าย แต่จริงๆ เวลาจะก้าวผ่าน แล้วเขาก้าวผ่านสิ่งนั้นได้ หนิงเชื่อว่าพอเขาหลุดจากวันนี้ พรุ่งนี้ต่อให้คนด่าเขา หนิงเชื่อว่ายังมีคนด่าน้องเขา แต่เชื่อว่าพรุ่งนี้เขาจะมีรอยยิ้มมากขึ้น พอมันไม่อยู่ในอกอีกแล้ว”

มันเหมือนปลดล็อกไหม เดินไปปลอบคนที่ทำให้เราเสียใจ สูญเสีย?

“ไม่รู้ มันคือความรู้สึกที่หนิงอยากทำสิ่งนั้น หนิงไม่ได้เสแสร้ง และมันก็ทำให้หนิงไปอีกสเต็ปหนึ่ง โตขึ้นอีกสเต็ป และอย่างที่หนิงบอก อย่าใช้คำว่ามันคือศักดิ์ศรี หนิงคิดว่าบางครั้งการแก้ปัญหาด้วยการสื่อสาร นี่คือการใช้เหตุผล เพราะว่าในความผิดของแต่ละอันมันย่อมมีเหตุผลของมันว่าผิดสิ่งนี้ด้วยอะไร และถ้าตัดอีโก้ออกไปได้เยอะๆ นี่หนิงก็ไม่ได้หมดนะ แต่ก็ถือว่าได้เยอะล่ะ ก็ค่อยๆ ฝึกกันไป มันจะได้ไม่ฆ่ากันตาย ตีกันตายตามหน้าข่าวเยอะๆ แล้วหนิงเชื่อว่ากฎหมายของประเทศเราข้อนี้กฌ ก็ต้องขอบคุณศาลมากๆ เป็นอันหนึ่งที่ทำให้เห็นหลายๆ ด้าน หลายๆ มุม หลายๆ มิติ”

ก่อนหน้านี้นัดครั้งแรก ครั้งที่ 2 เขาไม่มา?

ทำตัวยังไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวยังไง”

สบายใจขึ้นไหม?

“สำหรับหนิง หนิงโอเค จริงๆ หนิงโอเคมาพักหนึ่งแล้วค่ะ ตั้งแต่เจอกันล่าสุด ได้พูดในสิ่งที่เก็บงำเอาไว้นาน ในสิ่งที่รับปากว่าจะไม่คุยไม่พูด หนิงก็ต้องคอยเลี่ยงนักข่าว หนีนักข่าว ก็คอยโกหกทุกคนบนความจริงที่รู้อยู่ว่ามันคืออะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่สบายใจเลย เวลามีงานอีเวนต์ก็ไม่อยากไป ไม่อยากทำ ไม่อยากเจอ ไม่รู้จะยังไง กับนักข่าวหลายๆ คนเรารู้เราโตมาด้วยกัน เป็นพี่เป็นน้องกัมาไม่เคยปิดบัง ขออะไรเขาก็ช่วย ต้องมานั่งโกหกเขา แล้วมองหนาเขาแล้วแบบ เรายังไม่ชอบให้ใครมาโกหกเลย แต่มันก็โล่ง พอได้พูดเสร็จก็เหมือนมันโล่ง”

วันนี้กลับมาใช้นามสกุลเดิม?

“ในเอกสารยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะยังไม่มีเวลาไปทำเลย แต่เหตุการณ์ที่สิงคโปร์ หนิงได้ยินนามสกุลนั้นบนเวที หนิงไม่คิดว่าเขาจะใช้นามสกุลนั้น พอขึ้นไป มันเป็นงานอินเตอร์ หนิงเตรียมที่จะไปพูดภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ แล้วพอเขาประกาศนามสกุลปุ๊บ ฟีลแรกคือน้ำตาจะไหล แต่ต้องขึ้นไปรับในฐานะนักธุรกิจ เราก็ต้องฮึ๊บขึ้นไป พอไปถึงไม่รู้จะพูดอะไร ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งมากมาย และอยู่ในพาร์ทธุรกิจตอนนั้นก็เลยแบบ พูดภาษาไทยเลยแล้วกัน เป็นครั้งแรกที่ได้ยินนามสกุลเดิมเรียกฉันหรือเปล่า ก็โอ้ โอเค เป็นการได้ยินที่ดูมีพลังดีนะ ไปรับรางวัลและพิสูจน์ตัวเองในอีกบทบาทหนึ่ง ก็รู้สึกดีใจกับ ณ ตรงนั้น”

ใจหวิวใจหายบ้างไหม?

“ณ ตรงนั้นบอกไม่ถูกว่ายังไง แต่ตอนอยู่บนเวทีสิ่งที่เตรียมไปต้องพูดมันคืออะไร และรางวัลที่ได้รับเราไม่รู้ด้วยว่าตอนแรกเราจะได้รับ เพราะรู้แค่ว่าได้รางวัลสกิลแคร์ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าจะได้รับรางวัล CEO ที่เป็นรางวัลสุดท้ายของงาน ไม่คิดว่าจะเป็นเราที่เป็นเด็กน้อยมาก แล้วก็ลืมหมดเลยว่าเวลาพูดขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษบนเวทีต้องพูดยังไง เดี๋ยวเรื่องเอกสารก็ยังไม่เรียบร้อย เพราะถ้าเปลี่ยนหนึ่งอันมันต้องใช้เวลาเยอะ ซึ่งัยงไม่มีเวลาเลย ยังไม่ได้ไปทำเลย ทุกข่าวสามารถเขียนได้หมดเลยจะเป็นอะไรก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วหนิงก็ยังเป็นหนิงคนเดิม จะนามสกุลตัวเอง หรือนามสกุลของคุณเขา สุดท้ายหนิงก็ยังให้ความเคารพคุณพ่อคุณแม่เขาทุกอย่าง และยังรักครอบครัวเขาเหมือนเดิม หนิงก็เป็นหนิงแบบนี้แหละ มันเป็นองค์ประกอบที่เป็นส่วนข้างนอกมากๆ ที่มันไม่ได้สามารถทำให้ตัวตนของหนิงหายไป”

หลังจากนั้นจะได้เห็น “หนิง” สดใสขึ้น?

“สาธุ หนิงขอให้เป็นแบบนั้นนะคะ ขอให้เป็นแบบนั้น ขอให้ยิ้มให้ได้กว้างๆ ขึ้นค่ะ”

ค้นบ้านเด็กก่อเหตุยิงกลางพารากอน พบปืนบีบีกัน-กระสุนเพียบ!

ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าลงอีก 37.11 จากดอลลาร์แข็ง-ฟันด์โฟลว์ไหลออก

เว็บบล็อกเผย "LINE" นิยมใช้เพียง 3 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin